ใครเป็นสายแคมป์ปิ้ง ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวไปสัมผัสธรรมชาติที่ร่มรื่นในป่ากันบ้าง แม้ว่าในยุคนี้สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติจะปลอดภัยมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วในป่ายังคงเต็มไปด้วยสิ่งลึกลับมากมาย มีข้อห้ามในป่าซึ่งเป็นความเชื่อที่ถูกสืบทอดมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ เกี่ยวกับข้อห้ามที่ไม่ควรทำเมื่อเข้าป่า หากไม่อยากสัมผัสกับความลี้ลับของธรรมชาติ ข้อห้ามเหล่านั้นจะมีอะไรบ้างที่สายแคมป์ปิ้งควรรู้เอาไว้ วันนี้เรามีข้อมูลเหล่านั้นมาฝาก ไปดูพร้อมกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เที่ยวป่าอย่างปลอดภัย รวมข้อห้ามในป่า สายแคมป์ปิ้งควรรู้
ไม่พูดถึงสิงสาราสัตว์
หากพูดถึงข้อห้ามตามหลักวิทยาศาสตร์ สิงสาราสัตว์ถือว่าอันตรายมากที่สุดเมื่อเราเข้าป่า และคนโบราณก็เชื่อว่าเราไม่ควรพูดถึงบรรดาสัตว์ทั้งหลายเวลาอยู่ในป่าด้วย เพราะการพูดถึงก็เปรียบเสมือนกับการเรียกให้มาหา คนในสมัยโบราณจึงมีคำเรียกแทนสัตว์ต่าง ๆ ที่ดุร้ายแบบอ้อม ๆ อย่างเช่น การเรียกเสือว่าพ่อแมว เป็นต้น
ห้ามพูดถึงวิญญาณและภูตผี
สำหรับใครที่เชื่อเรื่องโลกหลังความตาย ในป่านั้นเต็มไปด้วยวิญญาณมากมายที่เรามองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้ นอกจากนี้ในป่ายังไร้พลังงานอื่นใดรบกวน ใครทำอะไรเจ้าป่าเจ้าเขาก็รู้ได้อย่างชัดเจนทั้งหมด ดังนั้นคุณจึงไม่ควรพูดถึงภูตผีวิญญาณ เล่าเรื่องสยองขวัญในป่าโดยเด็ดขาด
อย่าชวนใครกลับบ้าน
เวลากำลังจะเดินทางกลับ อย่าพูดเฉย ๆ ว่า “ป่ะ กลับบ้าน” โดยที่ไม่เอ่ยชื่อคนที่มาด้วยอย่างชัดเจน เพราะมันเหมือนกับคุณเชิญชวนให้สิ่งลี้ลับที่คุณมองไม่เห็นขึ้นรถและเดินทางกลับบ้านไปพร้อมกับคุณด้วย ทางที่ดีไม่ต้องชวนกันกลับบ้านเลยจะดีที่สุด เก็บข้าวของเงียบ ๆ แล้วขึ้นรถออกไปได้เลย
ไม่นอนขวางทางเดินหรือประตู
ว่ากันว่าทางเดินในป่าเป็นทางสัญจรของสิ่งลี้ลับเช่นกัน มนุษย์ที่ไปนอนขวางทางเดินจึงเป็นการรบกวนภูตผีวิญญาณที่อาศัยอยู่ในป่า ทำให้คุณมีโอกาสโดนหลอกหรือโดนอำจนอยู่ไม่ได้
ไม่เล่นซ่อนหาตอนกลางคืน
ปกติต่อให้ไม่อยู่ในป่าก็ไม่ควรเล่นซ่อนหาในตอนกลางคืนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหากคุณเข้าป่าก็ไม่ควรเล่นโดยเด็ดขาด ว่ากันว่าจะมีแขกที่คุณไม่ได้เชิญมาเล่นเกมกับคุณด้วย ที่สำคัญป่าตอนกลางคืนอันตรายเป็นอย่างมาก มีสัตว์มีพิษมากมายเต็มไปหมด แล้วยังเสี่ยงหลงทางอีกด้วย เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำว่าให้หาอย่างอื่นเล่นจะดีกว่า
ห้ามนอนหันหัวไปทิศตะวันตก
ในประเทศไทยเชื่อว่าทิศตะวันตกเป็นทิศของคนตาย เวลาฝังร่างผู้เสียชีวิตก็จะหันหัวไปทางทิศตะวันตก เราจึงไม่แนะนำให้คุณนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตกเวลาเข้าป่า เพราะมันจะทำให้คุณถูกเข้าใจผิดว่าตายไปแล้ว นอกจากนี้ยังอาจได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น หากยมบาลผ่านมาเห็นยังอาจจะถูกดึงวิญญาณออกจากร่างได้อีกด้วย
อย่าขานรับเมื่อมีคนเรียกตอนกลางคืน
ถ้าใครนอนพักอยู่ในเต็นท์ยามค่ำคืนและมีคนมาเรียกชื่อไม่ว่าจากที่ไหนก็ตาม อย่าเพิ่งขานรับด้วยความมั่นใจว่าเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักโดยเด็ดขาด หากคุณไม่เห็นว่าคนที่เรียกเป็นใครด้วยตาตัวเอง เพราะเชื่อกันว่าเสียงที่คุณได้ยินคือเสียงของวิญญาณที่เรียกให้คุณไปอยู่ด้วยนั่นเอง
อย่าเคาะชามข้าว
คนโบราณเชื่อว่าการเคาะชามข้าวเป็นการเคาะเรียกวิญญาณมากินข้าว เพราะฉะนั้นถ้าคุณตั้งใจจะกินข้าวตามปกติ ไม่ได้อยากมีเพื่อนร่วมโต๊ะที่ไม่ได้รับเชิญมานั่งด้วย เราขอแนะนำว่าให้กินดี ๆ ไม่เคาะถ้วยเคาะชาม โดยเฉพาะในยามค่ำคืน
อย่าผิวปากตอนกลางคืน
มีความเชื่อว่าการผิวปากเปรียบเสมือนกับการเรียกดวงวิญญาณและยังเรียกมนต์ดำคุณไสยต่าง ๆ เข้ามาหาตัว ในป่าที่เราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง จึงเป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรผิวปากเรียกอะไรที่มองไม่เห็นให้มาหานั่นเอง
อย่าเล่นเงาของตัวเอง
พอตกดึกหลายคนนิยมตั้งแคมป์ไฟพูดคุยกัน แต่สิ่งที่ไม่ควรทำคือ การเล่นเงาของตัวเองในตอนกลางคืน ไม่ว่าคุณจะอยากทำภาพประกอบเพื่อเล่านิทานก็ตาม เพราะมันจะทำให้ดวงวิญญาณสามารถมองเห็นคุณได้ และทำให้คุณถูกก่อกวนตลอดทั้งคืนจนนอนไม่สนิท
อย่าปลดทุกข์โดยที่ยังไม่ได้ขออนุญาตเจ้าที่
หากสถานที่ท่องเที่ยวของคุณไม่มีห้องน้ำอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ก็อย่าปลดทุกข์โดยที่คุณยังไม่ได้ขออนุญาตเจ้าที่โดยเด็ดขาด เพราะไม่แน่ว่าบริเวณที่คุณกำลังจะไปปลดทุกข์อาจมีเจ้าของเฝ้าอยู่ก็ได้ และคงไม่มีใครพอใจอย่างแน่นอน หากมีคนแปลกหน้ามาปลดทุกข์ในที่ของตัวเอง
รู้หรือไม่ อยากปลอดภัยห้ามสวดชินบัญชรและบทพาหุงในป่า
หากคุณรู้สึกว่าการเข้าป่าไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะบทสวดอย่างชินบัญชรหรือพาหุงที่ว่ายากแค่ไหน คุณก็สามารถสวดมันได้จนเข้าปาก รับรองว่าต่อให้เจอเรื่องลี้ลับยังไงก็ไม่หวั่นอย่างแน่นอน แต่ความจริงแล้วหนึ่งในเรื่องที่ไม่ควรทำเมื่อเข้าป่าคือการสวดบทสวดทั้ง 2 บทนี้นั่นเอง
เพราะทั้ง 2 บทสวดเป็นการเอาบทชนะมารของพระพุทธเจ้ามาสวดเพื่อความเป็นสิริมงคล ทำให้สิ่งลี้ลับหรือวิญญาณร้ายที่อาศัยอยู่ในป่า อาจมาก่อกวนหรือหลอกหลอนเราได้
สาเหตุที่เราไม่แนะนำให้คุณนำเอาทั้ง 2 บทสวดไปสวดในป่าก็เพราะว่า เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในป่าจะมีอะไรอาศัยอยู่บ้าง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล แต่หลายคนก็เชื่อว่าในป่ามีสิ่งลี้ลับอาศัยอยู่และล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีพลัง ดังนั้นมันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่หากจะไปท้าทายสิ่งลี้ลับเหล่านั้น
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Good Horo