คนไทยเป็นชนชาติที่ชื่นชอบการดูดวงกันอยู่แล้ว ในเมื่อมีไพ่สัญชาติไทยอย่างไพ่พรหมญาณให้เราได้ดู แล้วเพราะเหตุใดเราจึงจะไม่ดูมัน หลายคนอาจมองว่าวิธีดูไพ่พรหมญาณนั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องอาศัยการตีความที่มีความชำนาญในระดับหนึ่ง แต่ความเป็นจริงแล้วมือใหม่ก็สามารถอ่านไพ่ได้เช่นเดียวกัน วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปเรียนรู้วิธีดูไพ่พรหมญาณด้วยตนเองว่าจะสามารถทำได้กี่รูปแบบ และแต่ละรูปแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไรกันบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านบทความฉบับเต็มของไพ่พรหมญาณได้ที่ ไพ่พรหมญาณ
เปิดวิธีดูไพ่พรหมญาณแต่ละรูปแบบสำหรับมือใหม่
วิธีดูไพ่พรหมญาณนั้นสามารถทำได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบและความสะดวกของแต่ละคน ประกอบไปด้วยวิธีการดูแบบ 12 ใบ แบบ 3 ใบ และแบบ 1 ใบ แต่ละรูปแบบนั้นจะมีวิธีการดูที่แตกต่างกัน การอ่านไพ่ก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย สำหรับใครที่อยากจะลองดูไพ่ด้วยตนเองมาดูกันว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร
วิธีดูไพ่แบบ 12 ใบ
1.ทำการแยกไพ่ครู
ประกอบไปด้วยไพ่พระพรหมและไพ่พระยาพิเภกออกมาจากสำรับ จากนั้นให้เราทำการสับไพ่ตามอายุของผู้ที่รับการทำนาย หลังจากนั้นให้ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วเลือกไพ่ออกมาทั้งหมด 12 ใบ
2.จัดวางไพ่
วิธีดูไพ่พรหมญาณแบบ 12 ใบนั้น จะต้องมีการจัดวางไพ่ให้ถูกต้อง โดยลักษณะการวางจะเหมือนกับพีระมิด 4 ชั้น ไพ่ใบแรกที่ถูกเลือกนั้นจะวางไว้ที่ยอดบนสุดของพีระมิด ใบที่ 2 และ 3 วางถัดลงมาในลักษณะรูปทรงสามเหลี่ยม ต่อมาชั้นที่ 3 จะประกอบไปด้วยไพ่ใบที่ 4 ใบที่ 12 และใบที่ 5 ตามลำดับ ส่วนชั้นสุดท้ายเป็นใบที่ 6 ใบที่ 11 ใบที่ 10 ใบที่ 9 ใบที่ 8 และใบที่ 7 ตามลำดับ
3.ความหมายของไพ่แต่ละใบ
ไพ่ใบที่ 1 ไพ่ใบแรกบอกถึงพื้นฐานดวงและวาสนาของเรา ว่าดวงของเรานั้นเป็นอย่างไรโดยพื้นฐานอย่างเช่น หากจับได้ไพ่พระแม่นางกวักหมายถึง คุณนั้นเป็นคนที่มีวาสนาดี มักได้อยู่เป็นสุขสบาย ไม่ต้องเผชิญกับเรื่องเดือดร้อนรำคาญใจสักเท่าไหร่
ไพ่ใบที่ 2 เป็นไพ่ที่บอกถึงการเงินและความร่ำรวยอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่หนุมานกับนางเบญจกายหมายความว่า ในช่วงนี้คุณอาจจะได้หยิบยื่นความช่วยเหลือด้านการเงินให้กับผู้อื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องรอบคอบให้มาก เนื่องจากมีโอกาสที่จะถูกทรยศหักหลังเช่นเดียวกัน
ไพ่ใบที่ 3 เป็นไพ่ที่จะบอกถึงความเป็นอยู่โดยรวมของเราอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่เมขลากับรามสูรหมายความว่า ช่วงนี้คุณอาจจะต้องเผชิญกับการแข่งขันหรือการแก่งแย่งชิงดีที่ไร้ซึ่งความชอบธรรม ต้องเตรียมตัวรับมือการสูญเสียอย่างกะทันหันให้ดี
ไพ่ใบที่ 4 เป็นไพ่ที่จะบอกถึงเครือญาติหรือพี่น้องอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่พระนารายณ์ทรงสุบรรณหมายความว่า ในช่วงเวลานี้ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการขัดแย้งกันในหมู่เครือญาติให้ดี อาจมีการขัดผลประโยชน์หรือการฟ้องร้องเป็นคดีความกันเลยทีเดียว
ไพ่ใบที่ 5 เป็นไพ่ที่จะบอกถึงบริวารอย่างเช่น ลูกน้อง ลูกหลาน คนใกล้ชิดที่วัยวุฒิและคุณวุฒิต่ำกว่าอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่ทศกัณฐ์ออกรบหมายความว่า ในช่วงนี้จะมีปัญหาจนไม่สามารถตกลงปลงใจกันได้ ต่างคนต่างมีทิฐิจึงทำให้ปัญหายังไม่คลี่คลาย
ไพ่ใบที่ 6 เป็นไพ่ที่จะบอกถึงศัตรูอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่ไกรทองปราบชาละวันความหมายไพ่คือ จะต้องมีการต่อสู้หรือแก่งแย่งชิงดีเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ อาจจะต้องเตรียมเผชิญหน้ากับอุปสรรคใหญ่
ไพ่ใบที่ 7 เป็นไพ่ที่จะบอกถึงเรื่องความรักและเนื้อคู่อย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่เทพพระเสาร์หมายความว่า ในช่วงเวลานี้คุณอาจจะเจออุปสรรค แต่ก็สามารถจัดการได้อย่างดีเยี่ยม มีโอกาสที่จะได้พบกับคนที่มีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ดูแข็งแกร่งเหมือนกับเสือ
ไพ่ใบที่ 8 เป็นไพ่ที่จะบอกเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บหรือโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่พระรามและนางสีดาหมายความว่า ช่วงนี้อาจจะต้องระวังเกี่ยวกับความเครียด ความดัน โรคเลือด หรือโรคเกี่ยวกับระบบน้ำเหลือง
ไพ่ใบที่ 9 เป็นไพ่ที่จะบอกถึงความสำเร็จอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่พระแม่ธรณีมีความหมายว่า ช่วงนี้คุณจะสามารถเอาชนะอุปสรรคด้วยความพยายามได้สำเร็จอย่างงดงาม นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์อาจจะได้ซื้อขายบ้านหรือที่ดินอีกด้วย
ไพ่ใบที่ 10 เป็นไพ่ที่จะบอกเกี่ยวกับเรื่องการงานหรือความรับผิดชอบอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่พระแม่โพสพหมายความว่า ช่วงนี้คุณจะมีโชคเกี่ยวกับเรื่องการทำงาน เนื่องจากเป็นไพ่โชคลาภที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทุกด้าน
ไพ่ใบที่ 11 เป็นไพ่ที่จะบอกถึงลาภยศและชื่อเสียงอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่พระแม่ปารวตีหมายความว่า ช่วงนี้คุณจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ คนรอบข้างจะห่วงใยและมอบความรักความเมตตาให้กับคุณ โดยเฉพาะผู้ใหญ่หรือเจ้านาย
ไพ่ใบที่ 12 เป็นไพ่ที่จะบอกถึงบทสรุปดวงชะตาของเราในช่วงเวลานี้อย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่พระพิรุณหมายความว่า ช่วงนี้คุณจะประสบความสำเร็จในทุกด้านตามที่หวังเอาไว้ และมีโอกาสที่จะได้หยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับผู้อื่น
วิธีดูไพ่แบบ 3 ใบ
1.สับไพ่และเรียงไพ่
ทำการสับไพ่ตามอายุของผู้รับคำทำนาย หลังจากนั้นให้หยิบไพ่ออกมาทั้งหมด 3 ใบ เรียงไพ่ทั้ง 3 ใบในแนวราบจากซ้ายไปขวา
2.วิธีอ่านไพ่
ไพ่ใบหลัก ใบแรกที่เราจับได้นั้นจะเป็นไพ่ที่บอกถึงดวงของคุณโดยรวมอย่างเช่น หากจับได้ไพ่พระพรหมฤๅษีหมายความว่า ในช่วงนี้คุณจะได้รับการสนับสนุนและการอุปถัมภ์ค้ำชูจากผู้ใหญ่ เป็นช่วงเวลาที่คุณอยากจะปลีกวิเวกออกมาค้นหาสัจธรรมในชีวิตหรือความสงบให้กับจิตใจ
ไพ่สถานการณ์ เป็นไพ่ที่จะบอกถึงสถานการณ์ที่คุณกำลังจะเผชิญในอนาคตอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่พระอสุรินทร์ราหูหมายความว่า ช่วงนี้คุณจะพบกับปัญหาเข้ามาในชีวิตมากมาย ให้ตั้งสติแล้วแก้ปัญหาไปทีละเล็กทีละน้อยก็จะผ่านพ้นไปได้ในที่สุด
ไพ่บทสรุป เป็นไพ่ที่จะสรุปดวงของเราในช่วงเวลานี้ว่า โดยรวมแล้วสถานการณ์เป็นอย่างไร อย่างเช่นหากคุณจับได้ไพ่พระพิฆเนศทรงหนูหมายความว่า ในช่วงเวลานี้คุณอาจจะได้เริ่มต้นงานใหม่และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงเป็นอย่างมาก
วิธีดูไพ่แบบ 1 ใบ
การดูด้วยไพ่ 1 ใบ เป็นวิธีดูไพ่พรหมญาณที่ง่ายที่สุด เพียงแค่หยิบไพ่ออกมาจากสำรับ 1 ใบ หลังจากนั้นก็สามารถอ่านไพ่ได้เลยอย่างเช่น หากคุณจับได้ให้พระอรุณเทพบุตรหมายความว่า ในช่วงเวลานี้คุณมีเกณฑ์จะได้ออกเดินทางไปสู่อนาคตใหม่ เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการงาน การเงิน ความรัก หรือแม้แต่การซื้อทรัพย์สินขนาดใหญ่อย่างรถยนต์ก็ตาม
ข้อดี – ข้อเสียของวิธีดูไพ่พรหมญาณแต่ละรูปแบบ
วิธีดูไพ่พรหมญาณแต่ละรูปแบบไม่ว่าจะเป็น 12 ใบ 3 ใบ หรือ 1 ใบ ล้วนแล้วแต่สามารถทำนายดวงของเราหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตามในแต่ละวิธีนั้นก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าเรานั้นต้องการความแม่นยำมากน้อยแค่ไหน เราจึงจะพาทุกคนไปดูกันว่าข้อดีข้อเสียของวิธีการดูไพ่แต่ละรูปแบบเป็นอย่างไรกันบ้าง
ข้อดี – ข้อเสียวิธีดูไพ่แบบ 12 ใบ
- ข้อดี เป็นวิธีดูไพ่พรหมญาณที่มีความแม่นยำและความละเอียดมากที่สุด เนื่องจากสามารถบอกดวงของเราได้ทุกด้าน ตั้งแต่พื้นฐานดวงไปจนถึงบทสรุปชีวิตของเราในช่วงเวลานั้นว่าจะเป็นอย่างไร ทำให้เราสามารถรู้ถึงคำทำนายแบบเฉพาะเจาะจงในแต่ละเรื่องได้ ช่วยให้เราสามารถวางแผนชีวิตได้อย่างแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม
- ข้อเสีย เป็นวิธีการที่ต้องอาศัยความชำนาญในการอ่านและตีความความหมายของไพ่ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากไพ่แต่ละใบเมื่อไปออกในแต่ละตำแหน่งก็จะมีวิธีการอ่านความหมายที่แตกต่างกันออกไปด้วย นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการที่ต้องใช้เวลาในระดับหนึ่ง อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่อยากเปิดไพ่ดูดวงในตอนเช้าเป็นประจำทุกวันสักเท่าไหร่
ข้อดี – ข้อเสียวิธีดูไพ่แบบ 3 ใบ
- ข้อดี เป็นวิธีการดูดวงที่มีความแม่นยำในระดับหนึ่ง สามารถบ่งบอกได้ว่าในช่วงเวลานี้สถานการณ์จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดวงของเรากำลังดีหรือแย่ บทสรุปของเหตุการณ์ทั้งหมดในช่วงเวลานี้จะเป็นอย่างไร เหมือนกับการอ่านอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ยังคงช่วยให้เราสามารถตัดสินใจหรือวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายและมีความแม่นยำในระดับหนึ่ง ใช้เวลาไม่นาน การอ่านไพ่ก็ง่ายกว่า เนื่องจากไม่ได้เฉพาะเจาะจงในแต่ละด้านเป็นพิเศษ
- ข้อเสีย เป็นวิธีดูไพ่พรหมญาณที่อาจจะไม่มีความละเอียดสักเท่าไหร่ เนื่องจากไม่สามารถบอกได้ว่าไพ่ที่ออกมานั้นหมายถึงเหตุการณ์ในด้านใด เป็นการบอกอนาคตโดยรวมที่ไม่ได้มีความเฉพาะเจาะจงอย่างเช่น หากคุณเปิดได้ไพ่โมรา ซึ่งมีความหมายถึงปัญหาที่อาจจะเกิดจากคนรักหรือเพศตรงข้ามที่นำเอาความปวดหัวมาให้ ไม่สามารถบอกได้เฉพาะเจาะจงว่าจะเป็นเรื่องใด ซึ่งทำให้เราสามารถระวังปัญหาที่อาจเกิดจากเพศตรงข้ามหรือคนรักได้ แต่ก็ต้องลุ้นเอาว่ามันจะเกิดขึ้นในเรื่องใด เรื่องงาน เรื่องเงิน หรือเรื่องสุขภาพ เป็นต้น
ข้อดี – ข้อเสียวิธีการดูไพ่แบบ 1 ใบ
- ข้อดี เป็นวิธีดูไพ่พรหมญาณที่ง่ายและรวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ความชำนาญหรือประสบการณ์ในการอ่านไพ่มากมายนัก เนื่องจากไพ่ใบเดียวเป็นบทสรุปของทุกเรื่องทั้งหมด แบบไม่ต้องอาศัยการตีความอะไรมากมาย เหมาะสำหรับคนที่อยากจะเปิดไพ่ดูดวงในตอนเช้าเป็นประจำทุกวัน
- ข้อเสีย แน่นอนว่าเมื่อมีไพ่ใบเดียวที่เป็นการบอกองค์รวมทั้งหมดของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันนั้นหรือช่วงเวลานั้น ดังนั้นจึงมีความแม่นยำน้อยกว่าวิธีการดูไพ่พรหมญาณแบบอื่น ๆ ไม่สามารถบอกได้ว่าไพ่ที่เปิดออกมานั้น ความหมายของไพ่หรือดวงของเราที่เกิดจากการหยิบไพ่ใบนั้นจะไปออกที่ด้านไหนอย่างเช่น หากคุณจับได้ไพ่พระวิษณุกรม ซึ่งมีความหมายถึงการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน คุณก็ต้องไปลุ้นเอาว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในด้านใด
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Good Horo