สำรวจศาสตร์แห่งตัวเลข : การดูดวงและการตั้งชื่อเพื่อความเป็นสิริมงคล

ศาสตร์แห่งตัวเลข

ศาสตร์แห่งตัวเลข เป็นหนึ่งในศาสตร์โบราณที่มีการนำตัวเลขมาวิเคราะห์เพื่อทำนายดวงชะตาและสร้างความเป็นสิริมงคลผ่านการตั้งชื่อ ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 2 ศาสตร์ตัวเลขที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ซึ่งสามารถใช้ตัวเลขแทนค่าตัวอักษรเพื่อบอกเล่าถึงความหมายของชื่อและตัวเลขในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ทักษาปกรณ์ หรือหลักอายตนะ 6 ศาสตร์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยทำนายดวงชะตาแต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตของเราได้อีกด้วย มาทำความรู้จักกับรายละเอียดและวิธีการคำนวณกันเถอะ!

ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

แนะนำ 2 ศาสตร์แห่งตัวเลขที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ใช้เลขแทนความหมายบอกพื้นดวง

ศาสตร์แห่งตัวเลข

ในประเทศไทยที่มีความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลขเข้มข้นกว่าที่ไหนในโลก ซึ่งก็มีอยู่ 2 ศาสตร์แห่งตัวเลขที่ได้รับความนิยมในการคำนวณเพื่อหาความหมายว่าชื่อหรือตัวเลขที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรามีความเป็นสิริมงคลมากน้องแค่ไหน ส่งผลต่อดวงชะตาของเราอย่างไรบ้าง ซึ่งทั้ง 2 ศาสตร์ที่กล่าวถึงนั้นจะประกอบไปด้วย

ศาสตร์ตัวเลขทักษาปกรณ์ การแทนค่าตัวอักษรด้วยตัวเลขเพื่อสื่อความหมาย

ศาสตร์แห่งตัวเลข

เป็นศาสตร์แห่งตัวเลขที่ไม่ได้เพียงแค่นำเอามาแทนค่ากับตัวอักษรในชื่อเท่านั้น แต่ยังใช้โหราศาสตร์เป็นหลักในการทำนายว่าดวงชะตาของเราจะเป็นอย่างไร โดยนำเอาตัวอักษรมาจัดเรียงกันเป็นกลุ่มและใช้ตัวเลขกำกับเพื่อบ่งบอกถึงดาวอัฏฐเคราะห์ โดยจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 ความหมายด้วยกัน ดังนี้

  1. บริวาร บ่งบอกถึงคนรอบตัวทั้งคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อน รวมถึงคนในปกครองอย่างลูกน้อง หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงด้วย
  2. อายุ บ่งบอกถึงอายุและสุขภาพร่างกายของเราว่าจะมีความแข็งแรงแค่ไหน กายใจเป็นสุขหรือไม่
  3. เดช บ่งบอกถึงลาภยศสรรเสริญ อำนาจบารมี เกียรติยศ รวมไปถึงชื่อเสียง
  4. ศรี บ่งบอกถึงทรัพย์สินและโชคลาภ รวมไปถึงเสน่ห์และความรักด้วย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง การเสี่ยงโชคเสี่ยงดวง การได้รับอุปถัมภ์จากผู้ใหญ่ หรือชีวิตรักโดยรวม
  5. มูลละ บ่งบอกถึงเรื่องเงินทอง รายได้ ผลประโยชน์ และมรดก
  6. อุตสาหะ บ่งบอกถึงความขยันขันแข็ง ความมุมานะอุตสาหะอดทน มีความพากเพียรพยายามและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคแค่ไหน
  7. มนตรี บ่งบอกถึงการได้รับความอุปถัมภ์หรือการช่วยเหลือจากผู้อื่น เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมด้านต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น และยังส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อีกด้วย
  8. กาลกิณี บ่งบอกถึงอุปสรรคและความเป็นอัปมงคลในชีวิต เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคร้าย ศัตรูคู่อาฆาต ความเหน็ดเหนื่อยและความผิดหวัง

คนที่เกิดในวันที่ต่างกันออกไป ตัวเลขที่บ่งบอกถึงอัฏฐเคราะห์แต่ละดวงก็จะมีความแตกต่างกันออกไปด้วย เวลาที่เราตั้งชื่อจึงต้องเลือกใช้ตัวอักษรที่เมื่อแปลงเป็นตัวเลขแล้วมีความเหมาะสมสอดคล้องกับวันที่เราเกิดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงตัวเลขกาลกิณีที่ส่งผลเสียต่อดวงของเรา

หลักอายตนะ 6 บ่งบอกดวงชะตาผ่านตัวเลขผลรวม คำนวณตัวอักษร

ศาสตร์แห่งตัวเลข

เวลาที่เราเจอความหมายตัวเลขต่าง ๆ ว่ามีความหมายที่ดีหรือไม่ดี ส่วนใหญ่แล้วก็จะคำนวณมาจากศาสตร์ตัวเลขอย่างหลักอายตนะ 6 เป็นการนำเอาทั้งสระและตัวอักษรในชื่อของเรามาคำนวณเป็นตัวเลข โดยมีการนำเอาตัวอักษรและสระมาจัดเป็นกลุ่ม แทนค่าด้วยตัวเลข จากนั้นนำเอาตัวเลขทั้งหมดมาบวกเข้าด้วยกัน เราก็จะได้เป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงดวงของเรา ซึ่งจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน ดังนี้

  1. เลขกำกับ เป็นตัวเลขที่ใช้แทนค่าตัวอักษรหรือสระในภาษาไทย ให้เราดูว่าในชื่อของเราประกอบไปด้วยสระและตัวอักษรอะไรบ้าง มีตัวเลขอะไรกำกับอยู่ จากนั้นก็นำเอาตัวเลขทั้งหมดที่มีมาบวกรวมเข้าด้วยกัน แต่ที่น่าสนใจคือในแต่ละตัวเลขก็มีความหมายเป็นของตัวเองด้วยเหมือนกัน หากเลือกใช้เลขที่ดีก็จะช่วยส่งเสริมให้ชื่อมีความเป็นสิริมงคลได้มากขึ้น
  2. ผลรวม เมื่อเรานำเอาเลขกำกับมาบวกรวมเข้าด้วยกันก็จะกลายเป็นผลรวมที่บ่งบอกถึงความหมายโดยรวมของชื่อเราว่าส่งผลต่อดวงชะตาของเราอย่างไร ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะให้ความสำคัญกับผลรวมมากกว่าเลขกำกับ เนื่องจากมันคือผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณชื่ออย่างแท้จริง

ปัญหาคนชื่อยาว ทำอย่างไรหากบวกเลขออกมาแล้วได้มากกว่า 100

ศาสตร์แห่งตัวเลข

สำหรับคนที่ชื่อยาวหรือใช้ตัวอักษรที่ตัวเลขค่อนข้างเยอะในการตั้งชื่อ เมื่อบวกกันออกมาแล้วก็มีโอกาสที่ผลรวมจะออกมาเกิน 100 ได้เช่นกัน แต่ความหมายของตัวเลขที่มีอยู่กลับมีเพียงแต่ 100 ตัวเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ หลายคนคงสงสัยว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ซึ่งจริง ๆ แล้ววิธีการก็ค่อนข้างง่าย โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี ดังนี้

  • กรณีที่ผลรวมออกมาตั้งแต่ 101 ถึง 109 ให้เรานำเอาตัวเลขตัวแรกของหลักร้อยนั่นก็คือเลข 1 เป็นตัวเลขหลักแรก จากนั้นเอาตัวเลขตัวสุดท้ายมาเป็นตัวเลขหลักที่ 2 อย่างเช่น หากบวกกันออกมาแล้วได้ 105 ก็ให้อ่านความหมายของเลข 15
  • กรณีผลรวมเกิน 110 หากบวกออกมาแล้วตัวเลขเกินกว่า 110 เป็นต้นไป วิธีการอ่านก็คือดูเฉพาะเลขหลักสิบและหลักหน่วยเท่านั้น อย่างเช่น หากบวกกันออกมาได้เลข 135 ก็ให้เราไปดูความหมายที่เลข 35 ได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Good Horo

Scroll to Top